การปรับสภาพบ้านเพื่อความปลอดภัยของผู้สูงอายุและครอบครัว

แชร์บทความกับเพื่อนบนโซเชียล:
  • บ้านโดยทั่วไปถ้าไม่ปรับ อาจเป็นอันตรายต่อผู้สูงอายุ
  • การหกล้ม เป็นสาเหตุหลักของการบาดเจ็บในผู้สูงอายุ การปรับสภาพบ้านให้ปลอดภัยจึงจำเป็น
  • สะดวกกาย สบายใจ ใช้ได้ทุกคน คือหลักสำคัญของการปรับสภาพบ้าน

การปรับสภาพบ้านเพื่อผู้สูงอายุ

หัวข้อ

เมื่อร่างกายเปลี่ยนแปลง สิ่งแวดล้อมก็ต้องเปลี่ยนตาม

เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายของเราต้องประสบกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ มากมายที่อาจส่งผลต่อความสามารถในการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยและส่งผลต่อการใช้ชีวิตอย่างอิสระในบ้านของตนเอง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีหลายด้าน ได้แก่

  • การเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย

ผู้สูงอายุมีระบบการเคลื่อนไหว กล้ามเนื้อและกระดูกที่อ่อนแรงลงมากกว่าวัยอื่น ๆ ทำให้เดิน ขึ้นบันได หรือยกของหนักได้ยากขึ้น ผู้สูงอายุอาจมีปัญหาในการมองเห็นหรือการได้ยิน ซึ่งทำให้ยากต่อการใช้ชีวิตในบ้านหรือใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างปลอดภัย

  • การเปลี่ยนแปลงทางด้านความคิด

แน่นอนว่าผู้สูงอายุจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในด้านความจำ การรับรู้ และความสามารถในการตัดสินใจ ซึ่งอาจทำให้ผู้สูงมีความลำบากในการทานยาประจำตัว การทำอาหาร หรือการใช้เงินได้ยากขึ้น

  • การเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม

ผู้สูงอายุอาจแยกตัวออกจากเพื่อนและครอบครัวมากขึ้น สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ความเหงา ซึมเศร้าและวิตกกังวล

ลองจินตนาการว่าหากเรามีร่างกายที่อ่อนแอลง แรงในการจะเดินก็น้อยลง สายตาที่เริ่มพล่ามัว หากเรามีอาการเช่นนี้จะอยู่อาศัยในบ้านให้ปลอดภัยได้อย่างไร และแน่นอนว่าอาการเหล่านี้ที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุนั้นทำให้การอยู่อาศัยในบ้านอย่างปลอดภัยเป็นไปได้ยากมากขึ้น

การปรับสภาพบ้านและสภาพแวดล้อมทำให้ผู้สูงอายุปลอดภัยและเข้าถึงการใช้งานต่าง ๆ ภายในบ้านได้มากขึ้น เช่นเดียวกับผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง ที่มีการเคลื่อนไหวยากลำบากภายหลังการป่วย ทั้งภาวะอ่อนแรงและการรับรู้ ความเข้าใจที่บกพร่องไปซึ่งจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนบ้านให้เฉพาะเจาะจงกับผู้ป่วยหลอดเลือดสมองและผู้สูงอายุให้สามารถยังใช้ชีวิตอยู่บ้านร่วมกับบุคคลอื่น ๆ ในครอบครัวได้อย่างปลอดภัยมากที่สุด

การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในบ้านเพียงเล็กน้อยก็สามารถลดความเสี่ยงของการหกล้ม เพิ่มความคล่องตัว และเพิ่มคุณภาพชีวิตโดยรวมสำหรับทั้งผู้สูงอายุและผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง

ในบทความนี้เราจะกล่าวถึงความสำคัญของการปรับสภาพบ้านสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง และให้คำแนะนำในการสร้างพื้นที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย

การปรับสภาพบ้านและสิ่งแวดล้อมสำหรับผู้สูงอายุมีความสำคัญอย่างไร ?

การหกล้มเป็นสาเหตุหลักของการบาดเจ็บและเสียชีวิตในผู้สูงอายุ สำหรับผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง การหกล้มก็เป็นปัญหาที่สำคัญเช่นกัน เนื่องจากผู้ป่วยหลอดเลือดสมองมีปัญหาเรื่องการทรงตัวและการประสานงานการเคลื่อนไหว ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น และสถานที่ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยที่สุดสำหรับผู้สูงอายุคือบริเวณห้องน้ำและบันได การปรับสภาพบ้านสามารถลดโอกาสของการหกล้มและอุบัติเหตุอื่น ๆ ส่งเสริมความปลอดภัยและส่งเสริมการดำเนินชีวิตประจำวันในบ้านได้

การปรับสภาพบ้านมีความสำคัญหลายด้าน ได้แก่

  • เพื่อลดความเสี่ยงของการหกล้มและการบาดเจ็บ : การหกล้มเป็นสาเหตุสำคัญของการบาดเจ็บและเสียชีวิตในผู้สูงอายุ จึงควรติดตั้งราวจับในห้องน้ำและรอบ ๆ บ้าน ผู้สูงอายุสามารถลดความเสี่ยงในการหกล้มได้
  • เพื่อส่งเสริมการเคลื่อนไหว : กล้ามเนื้อและกระดูกของพวกเขาอาจอ่อนแอลง ทำให้เคลื่อนไหวได้ยากขึ้น หากสามารถขยายประตูและโถงทางเดิน จะช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถเคลื่อนไหวร่างกายด้วยตนเองได้สะดวกขึ้น
  • เพื่อส่งเสริมการมองเห็น : การมองเห็นของผู้สูงอายุนั้นมักเสื่อมถอยลง การปรับเปลี่ยนบ้านอย่างง่าย ๆ เช่น การติดตั้งไฟให้สว่างขึ้น ทำให้มองเห็นสิ่งต่าง ๆ บ้านได้ง่าย ลดการเกิดอุบัติเหตุ
  • เพื่อส่งเสริมการรับรู้ : การรับรู้ของของผู้สูงอายุและผู้ป่วยหลอดเลือดสมองมักลดลง แนะนำให้ติดป้ายบอกที่ชัดเจนและใช้สวิทต์ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบง่าย ๆ ก็ทำให้ผู้สูงอายุสามารถใช้อุปกรณ์ต่าง ๆในบ้านได้สะดวกขึ้น
  • เพื่อกระตุ้นการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม : ผู้สูงอายุและผู้ป่วยหลอดเลือดสมองอาจแยกตัวออกจากเพื่อนและครอบครัวมากขึ้น เพราะกลัวว่าจะไม่สามารถเข้ากับคนอื่นในครอบครัวได้ การปรับสภาพบ้านเพื่อให้ปลอดภัย ใช้งานได้ร่วมกัน จะส่งเสริมให้ผู้สุงอายุได้ทำกิจกรรมร่วมกับคนในครอบครัวมากขึ้น ลดภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวลในผู้สูงอายุและผู้ป่วยหลอดเลือดสมองได้

วิธีปรับสภาพบ้านสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง

  1. ขจัดสิ่งกีดขวางบริเวณทางเดิน : บ้านที่รก ข้าวของไม่เป็นระเบียบหรือสายไฟต่าง ๆ ล้วนก่อให้เกิดอันตรายได้ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำทางเดินให้โล่ง จัดเก็บหรือม้วนสายไฟให้ไม่เกะกะ เก็บข้าวของตามหมวดหมู่เพื่อให้ผู้สูงอายุหยิบใช้ได้ง่าย 
  1. ติดตั้งราวจับ : การติดตั้งราวจับในห้องน้ำและบริเวณรอบ ๆ บ้านที่มีโอกาสเกิดการหกล้ม เป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง การติดตั้งราวจับรูปตัว L ในห้องน้ำจะช่วยพยุงตัวให้ใช้ชักโครกได้สะดวกมากขึ้น โดยราวจับควรเป็นชนิดกลม ผิวเรียบ แข็งแรงทนทานและไม่ลื่น ติดตั้งราวจับในการขึ้นลงบันได รวมถึงบริเวณรอบบ้านก็ควรมีราวจับให้ผู้สูงอายุและผู้ป่วยหลอดเลือดสมองได้จับยึดทรงตัวขณะเคลื่อนไหว
  1. เพิ่มแสงสว่าง : แสงสว่างไม่เพียงพอทำให้ยากต่อการมองเห็นสิ่งกีดขวางหรือทางต่างระดับ ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการหกล้ม ควรติดตั้งไฟให้สว่างขึ้น หรือติดเท็ปสะท้อนแสงบริเวณทางต่างระดับหรือขอบทางเดินบันไดในแต่ละขั้น
  1. จัดหาอุปกรณ์ช่วยเหลือ : ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้สูงอายุและผู้ป่วยหลอดเลือดสมองแต่ละบุคคล อุปกรณ์ช่วยเหลือ เช่น ไม้เท้า วอคเกอร์ และรถเข็น หรืออุปกรณ์ช่วยในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น อุปกรณ์ช่วยจับช้อนเวลาทานอาหาร
  1. ทางเข้าประตูและโถงทางเดินต้องกว้าง : ทางเข้าประตูและโถงทางเดินที่กว้างจะสามารถรองรับอุปกรณ์ช่วยเคลื่อนไหว เช่น รถเข็นวีลแชร์และวอคเกอร์ช่วยเดิน ควรออกแบบบานประตูให้มีความแข็งแรงและมีความกว้างมากกว่า 1.00 เมตร เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานรถเข็น
  1. มือจับแบบก้านโยก : มือจับประตูแบบก้านโยกจับได้ง่ายกว่าลูกบิดแบบเดิมๆ ทำให้ผู้ที่เป็นผู้สูงอายุที่เป็นโรคข้ออักเสบหรือผู้ป่วยหลอดเลือดสมองที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว เปิดและปิดประตูหรือเปิดและปิดก็อกน้ำได้ง่ายขึ้น
  1. สวิตช์ไฟและปลั๊กไฟ : ส่วนควบคุมสำหรับสวิตช์ไฟ และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ควรวางไว้ในระดับความสูงที่เข้าถึงได้ง่าย และเป็นชนิดที่มีแสงสว่างที่สวิตช์เมื่อปิดใช้งาน (สวิตช์หิ่งห้อย)
  1. พื้นต้องไม่ลื่น : การติดกันลื่นที่พื้นสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการหกล้ม เพิ่มการยึดเกาะและความมั่นคง โดยเฉพาะในห้องน้ำ ควรออกแบบให้มีระดับพื้นภายนอกห้องและภายในมีระดับเดียวกันตลอดแต่ยังมีการระบายนน้ำได้ดี พื้นห้องน้ำเลือกใช้กระเบื้องที่มีผิวหยาบ ไม่ลื่น
  1. เปลี่ยนทางยกระดับเป็นทางลาด : ปรับบริเวณที่มีทางต่างระดับให้เป็นพื้นราบหรือทำให้เป็นทางลาดเพื่อให้สะดวกต่อการใช้รถเข็นในผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยหลอดเลือดสมองที่เดินลำบาก

Universal Design (UD) คือการออกแบบอาคารและการปรับสภาพบ้านเพื่อให้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุหรือผู้พิการก็สามารถใช้งานได้ สร้างความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงพื้นที่ในการทำกิจกรรมการดำเนินชีวิต โดยศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Winest ได้ออกแบบตามหลัก 7 ประการของ Universal Design (UD) ดังนี้

1. Equitable use ความเสมอภาคในการใช้งาน

เริ่มตั้งแต่ทางเข้าอาคารศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Winest มีทั้งบันไดและทางลาด เพื่อให้ทุกคนรวมทั้งผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยหลอดเลือดสมองที่ต้องใช้รถเข็นหรืออุปกรณ์ช่วยเดินอื่น ๆ ได้เข้า-ออกอาคารอย่างสะดวก มีราวจับตลอดทางลาดเพื่อการจับยึดขณะผู้สูงอายุใช้ทางลาด เพิ่มความมั่นคงในการเดิน ลดโอกาสในการหกล้ม

โต๊ะที่ผู้สูงอายุใช้ในการนั่งทานอาหารมีความสูงในระดับที่ผู้ใช้รถเข็นสามารถสอดใต้โต๊ะได้และใช้โต๊ะร่วมกันได้กับการนั่งเก้าอี้ทั่วไปได้

2. Flexibility ความยืดหยุ่นในการใช้งาน

อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในศูนย์ สามารถปรับสภาพ ความสูง-ต่ำ ขึ้น-ลง ได้ตามความเหมาะสมของผู้ใช้ เช่น เตียงนอนที่สามารถปรับระดับสูงต่ำได้ ฝักบัวอาบน้ำที่สามารถปรับระดับความสูงได้

3. Simplicity ความเรียบง่ายใช้งานง่าย

ภายในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Winest มีความเรียบง่ายลดทอนความซับซ้อนในการใช้งานทั้งภาษาและปุ่มกด ได้ออกแบบให้เข้าใจง่ายให้กับคนทุกกลุ่ม ป้ายหรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ สามารถอ่านได้ชัดเจนมีสีสัน สังเกตได้ง่ายเพื่อรองรับการใช้งานของผู้สูงอายุ

มีโต๊ะข้างเตียงเพื่อใช้วางของ เก็บเสื้อผ้า หรือของใช้ส่วนตัวของแต่ละคนเพื่อไม่ให้ปะปนกัน มีอุปกรณ์จัดแยกยาตามมื้ออาหารให้ผู้สูงอายุไม่สับสนในการทานยา

4. Perceptible information ข้อมูลชัดเจนสำหรับการใช้งาน

ห้องต่าง ๆ ภายในศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Winest จะมีป้ายหรือสัญลักษณ์กำกับ เช่น ป้ายห้องน้ำ, ป้ายบอกทางเข้าห้องประชุม และป้ายทางหนีไฟ เป็นต้น 

5. Safety ความปลอดภัย ป้องกันความผิดพลาด

พื้นห้องน้ำที่ผู้สูงอายุต้องใช้งานเป็นประจำถูกออกแบบให้น้ำไหลลงท่อได้เร็ว ป้องกันพื้นลื่นลดความเสี่ยงในการหกล้ม ประตูทุกบานจะไม่มีธรณีประตูป้องกันการสะดุดล้มและเพื่อให้รถเข็นสามารถใช้งานได้สะดวก

ประตูด้านนอกศูนย์ที่ใช้เพื่อเข้าออกจะมีระบบล็อคต้องมีรหัสผ่านเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าออกศูนย์ได้ รวมถึงมีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่บริเวณนั้นเพื่อป้องกันผู้สูงอายุพลัดหลงเดินออกจากศูนย์

ประตูห้องน้ำเป็นแบบเลื่อนเพื่อให้คนอื่นสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้หากเกิดอุบัติเหตุ

6. Low physical effort ทุ่นแรงกาย

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ Winest มีลิฟท์ใช้งานเพื่อเคลื่อนย้ายผู้สูงอายุไปทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายในศูนย์ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ก๊อกน้ำเป็นแบบก้านโยกเบาแรงในการเปิดใช้งาน

7. Size and space for approach and use มีขนาดพื้นที่ในการใช้งานที่เหมาะสม

ประตูทุกบานมีความกว้างมากพอเพื่อให้ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยหลอดเลือดสมองที่ต้องใช้รถเข็นสามารถเคลื่อยย้ายตัวได้สะดวก ห้องน้ำมีความกว้างขวางมีขนาดพื้นที่เพียงพอสำหรับหมุนหรือกลับรถเข็นภายในห้องน้ำได้และมีราวจับภายในห้องน้ำ

เขียนโดย : นักกิจกรรมบำบัด ก.บ.1096

กบ.กอข้าว เพิ่มตระกูล


เอกสารอ้างอิง 

สุชน ยิ้มรัตนบวร. (2018). การพัฒนาการออกแบบบ้านพักอาศัยสำหรับผู้สูงวัยด้วยหลักการออกแบบสำหรับคนทุกวัย, The Design Development of Elderly Homes by Universal Design Guidelines. Journal of the Faculty of Architecture King Mongkut’s Institute of Technology Ladkrabang26(1), 173-188.

นิภาพรรณ เจนสันติกุล. (2022). การออกแบบเพื่อทุกคน: แนวคิดและลักษณะการออกแบบที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ สูงอายุ. วารสาร มนุษยศาสตร์ และ สังคมศาสตร์ ม มร วิทยาเขต อีสาน3(2), 67-81.

บทความก่อนหน้า >>

บทความเกี่ยวกับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่คุณอาจสนใจ

การดูแลผู้ป่วยติดเตียง พร้อมวิธีจัดท่า และพลิกตะแคงอย่างถูกวิธี 

July 22, 2024
การจัดท่า และวิธีพลิกตะแคงตัวผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยติดเตียงต้องพึ่งพาผู้อื่นในการเคลื่อนไหวร่างกาย ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลจัดท่านอนที่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพตามมาอีกมาก ทั้งแผลกดทับ ข้อติด กล้ามเนื้อลีบ การจัดท่านอนและพลิกตะแคงตัวให้ผู้ป่วยติดเตียงอย่างเหมาะสมจึงเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อให้ทุกส่วนของร่างกายได้ผ่อนคลาย รวมทั้งป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วย ผู้ป่วยติดเตียงคืออะไร ผู้ป่วยติดเตียง คือ ผู้ที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้เองตามปกติ เนื่องจากภาวะเจ็บป่วยเรื้อรัง ความพิการ หรือวัยชรา ซึ่งต้องนอนบนเตียงตลอดเวลาและพึ่งพาผู้อื่นในการทำกิจวัตรประจำวันทั้งหมด เช่น การอาบน้ำ แต่งตัว รับประทานอาหาร ขับถ่าย โดยผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพตามมา เช่น แผลกดทับ ปอดอักเสบ ข้อติด กล้ามเนื้อลีบ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ความสำคัญของการจัดท่าให้กับผู้ป่วยติดเตียง การจัดท่าให้ผู้ป่วยติดเตียงอย่างถูกวิธีมีประโยชน์ดังต่อไปนี้ – ป้องกันแผลกดทับ: ช่วยกระจายแรงกดจากน้ำหนักตัวไม่ให้กดทับบริเวณใดบริเวณหนึ่งนานเกินไป  – รักษาระบบทางเดินหายใจ: การนอนหงายตลอดทำให้เสมหะคั่งในปอด เพิ่มความเสี่ยงของปอดอักเสบ  – ป้องกันข้อติด: การนอนงอขาหรือเหยียดขานานๆ น้ำไขข้อจะแห้ง ทำให้เกิดอาการข้อติดแข็งได้ง่าย – ป้องกันกล้ามเนื้อลีบ: การขยับพลิกตะแคงตัวจะกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อไม่ให้ลีบเล็กลง – เพิ่มความสุขสบาย: ได้เคลื่อนไหวร่างกาย เปลี่ยนท่าทางบ้าง ส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี ไม่ซึมเศร้า ผลเสียของการนอนในท่าเดิมนาน ๆ ของผู้ป่วยติดเตียง การนอนในท่าเดิมเป็นเวลานานเกิน 2 ชั่วโมงนอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับ ปอดอักเสบ […]
Copyright 2024 © Winest - All rights reserved.
crossmenuchevron-down