ภาวะสมองเสื่อมเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ เป็นภาวะที่ใช้อธิบายการลดลงของกระบวนการทำงานและการรับรู้ของสมอง การทำงานที่เสื่อมถอยลงของสมองเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพในสมอง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้ป่วยสมองเสื่อมในทุก ๆ ด้าน เช่น ความจำเพื่อการใช้งาน การคิดวิเคราะห์ การใช้เหตุผล การแสดงออกทางอารมณ์และพฤติกรรม
อาการที่สามารถสังเกตได้ง่ายๆ ว่าผู้สูงอายุเริ่มมีภาวะสมองเสื่อม
ปัจจัยร่วมอื่น ๆ ที่สามารถนำไปสู่ภาวะสมองเสื่อมได้ เช่น พันธุกรรม โรคชรา การบาดเจ็บภายในสมอง ภาวะซึมเศร้า โรคเครียด กลุ่มอาการทางจิตเวช ผู้ที่ขาดกิจกรรมทางสังคมหรือขาดการปฏิสัมพันธ์กับผู้คน การสูบบุหรี่หรือการทานยาหลายขนานมากเกินไปก็สามารถนำไปสู่การลดลงของความรู้ความเข้าใจจนสมองเสื่อมได้ ภาวะสมองเสื่อมเป็นภาวะที่ลุกลาม หมายความว่าจะมีอาการแย่ลงเมื่อเวลาผ่านไป และในขณะนี้ยังไม่มีวิธีรักษาโดยตรงแต่สามารถใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการและใช้การบำบัดรักษาปรับพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยได้
ในประเทศไทยพบว่ามีจำนวนผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วยสมองเสื่อมมากขึ้นในทุก ๆ ปี การดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจของโรค อาการที่แสดง ยารักษาโรคสมองเสื่อม และแนวทางในการฟื้นฟูสมองเสื่อม ในสถานการณ์ที่ผู้สูงอายุสมองเสื่อมเพิ่มจำนวนมากขึ้นนี้จึงส่งผลกระทบอย่างมากต่อญาติ และครอบครัวของผู้ป่วย ในขณะที่การรักษาทางการแพทย์มีบทบาทสำคัญ การฟื้นฟูและการดูแลอย่างเหมาะสมก็มีส่วนช่วยชะลอการดำเนินของโรคและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้อย่างมาก ด้วยเหตุนี้ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุจึงต้องมีความเชี่ยวชาญในการดูแลผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมด้วยเช่นเดียวกัน โดยบทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภาวะสมองเสื่อม พร้อมแนวทางการดูแลและฟื้นฟูที่ครอบคลุม เพื่อให้ครอบครัวสามารถรับมือกับภาวะนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้ป่วยสมองเสื่อมมีความจำเป็นให้ญาติหรือผู้ดูแลช่วยเหลือในทุกด้านๆของการดำเนินชีวิต เป้าหมายหลักของการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมคือการชะลอการดำเนินของโรคและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยสมองเสื่อม ซึ่งสามารถทำได้โดยการผสมผสานระหว่างการใช้ยารักษาโรคสมองเสื่อม และการบำบัดการฟื้นฟูสมองเสื่อม โดยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
โรคสมองเสื่อมที่สามารถให้ยาได้ ได้แก่ โรคสมองเสื่อมชนิดอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) โรคสมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือดสมอง (Vascular dementia) โรคสมองเสื่อมในผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน (Parkinson’s disease with dementia) มียาหลายชนิดที่เป็นยารักษาโรคสมองเสื่อม โดยออกฤทธิ์ในการปรับปรุงการทำงานของสมองหรือชะลอการลุกลามของโรค ช่วยจัดการกับอาการและปรับปรุงคุณภาพชีวิตได้ จำเป็นต้องใช้บุคลากรผู้เชี่ยวชาญ แพทย์เฉพาะทางในการหาสาเหตุของสมองเสื่อมเพื่อการให้ยาที่เหมาะสม
นอกจากการใช้ยาแล้ว การบำบัดยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของการฟื้นฟูสมองเสื่อม มีตัวเลือกการบำบัดที่หลากหลาย รวมถึงการบำบัดด้วยการกระตุ้นการรับรู้ (Cognition-oriented) ซึ่งช่วยฟื้นฟูการทำงานของสมอง เช่น เล่นเกมฝึกรับรู้วัน เวลา สถานที่ กิจกรรมกระตุ้นความจำจากสถานที่ สิ่งของ ผู้คนที่เป็นคนดัง ส่งเสริมด้านคำศัพท์ สัตว์ สิ่งของรอบตัว กิจกรรมทางกายต่างๆ อาทิ การร้องเพลง การเต้นรำ การเต้นแอโรคบิก เป็นต้น รวมถึงการทำจิตบำบัด ซึ่งจะช่วยจัดการกับอาการทางพฤติกรรมและจิตใจของผู้ป่วยสมองเสื่อม เช่น อาการตื่นตระหนก พฤติกรรมก้าวร้าว สอนการแสดงออกทางอารมณ์กับผู้อื่นอย่างเหมาะสม
อ่านเพิ่มเติม > 3 เกมแนะนำฝึกสมองผู้สูงอายุ
การบำบัดในรูปแบบอื่น ๆ เช่น ดนตรีบำบัด ศิลปะบำบัด และสัตว์เลี้ยงบำบัด นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยบ่งชี้ว่าการรักษาทางเลือก เช่น การฝังเข็มและการรักษาด้วยสมุนไพร อาจมีประสิทธิผลในการจัดการอาการของโรคสมองเสื่อม
นอกจากการรักษาแล้ว การชะลอการเกิดของโรค และชะลอการลุกลามของโรคก็เป็นการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมที่ควรทำอย่างยิ่ง สามารถทำได้โดยเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เช่น การออกกำลังกายเป็นประจำ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม สร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้างอย่างสม่ำเสมอ ในฐานะของญาติและครอบครัวของผู้ป่วยควรจัดสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการเข้าสังคมและเสริมกิจกรรมทางกายของผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ เหล่านี้สามารถช่วยชะลอการลุกลามของโรค และปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมได้
การดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุวินเนสต์ Winest เน้นการบำบัด การฟื้นฟูสมองเสื่อม โดยมีการให้บริการจากสหวิชาชีพ อันได้แก่ การให้บริการทางกายภาพบำบัดเพื่อการออกกำลังกาย เพิ่มกิจกรรมเคลื่อนไหวทางกายอย่างเหมาะสม ออกแบบโดยเฉพาะให้เหมาะกับผู้สูงอายุแต่ละคน มีพยาบาลวิชาชีพที่สามารถให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับการใช้ยารักษาโรคสมองเสื่อมในเบื้องต้น บริหารจัดการยาให้ผู้ป่วยทานตรงเวลา ดูแลเรื่องการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต และการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน มีแพทย์เพื่อติดตามอาการในแต่ละระยะของโรค มีนักกำหนดอาหารเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีนักกิจกรรมบำบัด ให้การออกแบบโปรแกรมการฟื้นฟูสมองเสื่อม โดยกระตุ้นระบบการรู้คิด ออกแบบกิจกรรมที่กระตุ้นความจำและการรับรู้ผ่านการเล่นอย่างสนุกสนาน จัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อส่งเสริมการเข้าสังคมและการมีปฏิสัมพันธ์ เพื่อปรับปรุงและชะลอการลุกลามของโรคมุ่งเน้นให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี
โดยสรุปแล้ว การดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมต้องใช้แนวทางที่ครอบคลุมซึ่งผสมผสานระหว่างการใช้ยารักษาโรคสมองเสื่อม การบำบัดการฟื้นฟูสมองเสื่อม และการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต สิ่งสำคัญคือต้องระลึกไว้เสมอว่าในปัจจุบันยังคงไม่มีการรักษาใดที่สามารถทำให้ภาวะสมองเสื่อมหายขาดได้ แต่สามารถฟื้นฟูและรักษาตามอาการได้ และผู้ให้บริการด้านสุขภาพควรทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ป่วยและครอบครัวเพื่อพัฒนาแผนการรักษาเฉพาะบุคคลที่ตรงกับความต้องการและเป้าหมายเฉพาะของผู้ป่วยแต่ละคน สร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม เข้าใจและเห็นอกเห็นใจต่อผู้สูงอายุที่ได้รับผลกระทบจากภาวะสมองเสื่อมเพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
เขียนโดย : นักกิจกรรมบำบัด ก.บ.1096
กบ.กอข้าว เพิ่มตระกูล
เอกสารอ้างอิง ภรัญวิทย์ อนันต์ดิลกฤทธิ์. (2021). ภาวะสมองเสื่อม. วารสารศูนย์อนามัยที่ 9: วารสารส่งเสริมสุขภาพและอนามัย สิ่งแวดล้อม, 15(37), 392-398.