“การล้มส่งผลเสียร้ายแรงต่อทั้งร่างกายและจิตใจ”
“การล้มอาจทำให้ร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้วเกิดบาดเจ็บที่รุนแรงยิ่งขึ้น กระทบไปถึงคนรอบข้างอีกมากมาย”
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
หน้าฝนในประเทศไทยเป็นช่วงของฤดูที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ฝนจะตกลงมาเพื่อช่วยผ่อนคลายความร้อน หลายคนทั้งเด็กและผู้ใหญ่อาจไม่สนุกกับหน้าฝนมากนัก เนื่องจากสภาพพื้นที่มีความเฉอะแฉะและลื่น จึงต้องใช้ความระมัดระวังเมื่อออกไปข้างนอกบ้านเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ โดยเฉพาะผู้สูงอายุจะมีความเสี่ยงเป็นพิเศษ เพราะว่าร่างกายของผู้สูงอายุไม่ค่อยยืดหยุ่นและมีภูมิคุ้มกันน้อยกว่าคนที่แข็งแรงหรือน้อยกว่าคนที่อายุน้อย จึงจำเป็นที่ผู้สูงอายุต้องได้รับการดูแลและเตรียมพร้อมเป็นพิเศษในช่วงเวลาหน้าฝนนี้
ทางกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทยระบุว่าหน้าฝนเป็นช่วงที่ผู้สูงอายุเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด นำไปสู่ความเสี่ยงต่อผู้สูงอายุในหลาย ๆ เหตุการณ์ เช่น ปัญหาการทรงตัว ความบกพร่องทางสายตา ความบกพร่องทางการได้ยิน และปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและกล้ามเนื้อ ส่งผลให้ผู้สูงอายุล้มได้ง่ายขึ้น
การล้มเพียงเล็กน้อยก็สามารถนำไปสู่การบาดเจ็บ เช่น รอยฟกช้ำ และในกรณีที่รุนแรง กระดูกหักหรือการบาดเจ็บที่ศีรษะ ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้สูงอายุไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ ส่งผลต่อเนื่องในระยะยาว ฝนที่ตกลงมาทำให้ทางเท้ามีความเปียกและลื่น ทำให้ล้มได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุที่อาจมีปัญหาเรื่องการทรงตัว ทั้งหมดนี้อาจนำไปสู่ความเสี่ยงของการล้มในผู้สูงอายุหรือโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ในผู้สูงอายุ
ความเสี่ยงที่ต้องระวังมากเป็นพิเศษในช่วงหน้าฝนต่อผู้สูงอายุ คือการลื่นล้ม ฝนที่ตกหนักทำให้พื้นลื่นซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ง่ายสำหรับผู้สูงอายุ หากผู้สูงอายุล้มอาจจะมีปัญหาทางร่างกายตามมา มีอาการบาดเจ็บร้ายแรงได้จึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในการดูแลผู้สูงอายุในช่วงหน้าฝน ความเสี่ยงของอุบัติเหตุที่เกิดจากการล้มในผู้สูงอายุอย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น มักเกิดจากปัจจัยจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปหลังฝนตก โดยความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้มากที่สุดนั่นคือพื้นผิวทางเดินที่ลื่นในช่วงหน้าฝน พื้นที่ที่รอบ ๆ บ้านหรือทางเดินภายนอกบ้าน อาจกลายพื้นที่อันตรายซึ่งทำให้ผู้สูงอายุลื่นล้มได้ง่ายขึ้น สำหรับจุดเสี่ยงที่ต้องคอยระวังเมื่อมีฝนตกหนัก ได้แก่ พื้นที่เปียกลื่น เช่น ทางเท้า ลานกว้าง พื้นห้องน้ำ พื้นที่ต่างระดับและบันได หากผู้สูงอายุไม่ระวังขณะเดินอาจนำไปสู่การล้มได้ง่ายมากขึ้นกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ
ปัจจุบันเกิดอุบัติเหตุจากการหกล้มในผู้สูงอายุของไทยประมาณ 3 ล้านรายต่อปี ซึ่งต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลประมาณ 60,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตถึง 1,600 รายต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ 4 ราย ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 หลังจากอุบัติเหตุทางถนน โดย 1 ใน 3 คนที่เกิดอุบัติเหตุนี้เป็นผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป และอายุที่เพิ่มขึ้นอัตราการเกิดอุบัติเหตุก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
ซึ่งปัญหาที่พบหลังจากเกิดอุบัติเหตุคือ กระดูกสะโพกแตกหัก หรือการบาดเจ็บที่ศีรษะ สืบเนื่องมาจากการล้มในช่วงหน้าฝน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดความพิการและอาจนำไปสู่การเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงที่ผู้สูงอายุจะพบกับอุปสรรคต่าง ๆ ในการดำเนินชีวิตที่เป็นอันตรายในช่วงหน้าฝน เช่น การมองเห็นที่ลดลง เพราะเมื่อฝนตกหนักแสงสว่างลดลงทำให้การมองเห็นของผู้สูงอายุลดลงตามไปด้วย ทำให้ยากต่อการเห็นสิ่งต่าง ๆ และอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการล้มอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น อีกหนึ่งความเสี่ยงเรื่องของสภาพภูมิอากาศ หน้าฝนเป็นช่วงของภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อาจมีฝนตกหนักและลมพัดเข้ามาในบ้าน ทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกไม่สบายตัว อาจก่อให้เกิดอาการวิงเวียนหรือเป็นสาเหตุให้เกิดการล้มได้
“การล้มส่งผลเสียร้ายแรงต่อทั้งร่างกายและจิตใจ”
“การล้มอาจทำให้ร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้วเกิดบาดเจ็บที่รุนแรงยิ่งขึ้น กระทบไปถึงคนรอบข้างอีกมากมาย”
การเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้มีพื้นที่อันตรายในบ้านเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุในอนาคตจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงในช่วงหน้าฝนเพื่อให้ผู้สูงอายุในบ้านได้มีความปลอดภัย ควรเตรียมพร้อมและให้ความสำคัญในการรับมือและหาวิธีป้องกันเพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการล้มและทำให้ผู้สูงอายุสามารถอยู่อย่างปลอดภัยในช่วงหน้าฝนได้
ในบทความนี้เราจะแนะนำ 3 วิธีป้องกันผู้สูงอายุลื่นล้มอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการล้ม ได้ดังนี้
1. เลือกเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมกับหน้าฝน
หน้าฝนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายมากยิ่งกับผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการล้ม ยิ่งต้องดูแลการเลือกใช้เครื่องแต่งกายที่เหมาะสมสำหรับช่วงหน้าฝน การเลือกรองเท้าจึงเป็นสิ่งสำคัญควรเลือกรองเท้าที่มีพื้นรองเท้าที่ทำจากวัสดุคุณภาพดี ควรเลือกใช้รองเท้าที่มีความยืดหยุ่นและควรเป็นรองเท้าหุ้มส้นขนาดพอดีกับเท้า มีดอกยางกันลื่นหรือพื้นกันลื่นและยึดเกาะกับพื้นได้ดีเพื่อเพิ่มความสามารถในการทรงตัวและลดความเสี่ยงในการล้ม ยกตัวอย่างเช่น วัสดุประเภทยาง ที่จะทำให้การเดินมั่นคงมากขึ้นเมื่อต้องเดินบนพื้นลื่น ๆ ไม่ลื่นล้มง่าย
เพราะอุบัติเหตุที่เกิดจากการลื่นล้มเป็นเหตุการณ์ที่อันตรายมาก และมีความเสี่ยงถึงชีวิตได้ทันทีถ้าเราประมาท หากผู้สูงอายุเป็นผู้ที่มีความบกพร่องในการเดินหรือการทรงตัวอยู่แล้ว ควรใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน อาจใช้ไม้เท้าหรือวออล์คเกอร์ โดยอุปกรณ์ช่วยเดินจะสามารถให้การรองรับน้ำหนักตัวของผู้สูงอายุและช่วยเพิ่มความมั่นคงขณะเดินซึ่งช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงในการล้มได้
2. การปรับแต่งสภาพบ้านให้เหมาะสม
การตรวจสอบสภาพแวดล้อมในบ้าน และปรับปรุงสภาพแวดล้อมในบ้านสำหรับผู้สูงอายุเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการล้ม (อ่านเพิ่ม > เช็ค 6 จุดเสี่ยงที่ผู้สูงอายุมักลื่นล้มในบ้าน)
สาเหตุของการลื่นล้มในหน้าฝนอาจมาจากการที่พื้นบ้านเปียกลื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพื้นที่ทางเดินที่มีความลาดชันและทางเดินต่างระดับต่าง ๆ ในตัวบ้าน หรือแม้กระทั่งห้องน้ำที่มักจะเกิดอุบัติเหตุหกล้มได้ง่ายที่สุด เนื่องจากพื้นมักจะเปียกและลื่น สถานที่คับแคบ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเดินชนหรือสะดุดหกล้มได้
ควรให้ผู้สูงอายุเดินบนพื้นทางเดินที่เรียบสม่ำเสมอหลีกเลี่ยงการเดินบนพื้นที่เปียก จัดสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้เหมาะสม ตรวจเช็คสภาพบ้านโดยพื้นบ้านต้องไม่เปียกหรือลื่น หลีกเลี่ยงการวางพรม เสื่อ ผ้ายาง ผ้าปูรองพื้นเพราะหากพื้นเปียกด้วยแล้วจะทำให้ลื่นง่ายมากขึ้น
ควรนำการออกแบบตามหลักการ Universal Design โดยการ
3. ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและเพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัว
การป้องกันการลื่นล้มในช่วงหน้าฝนเป็นสิ่งสำคัญที่ควรใส่ใจเพื่อรักษาความปลอดภัยและลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ การออกกำลังกาย เพื่อลดความเสี่ยงในการหกล้มสามารถทำได้ด้วยการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความยืดหยุ่น การทรงตัว และความไวในการตอบสนอง การออกกำลังกายจะสามารถป้องกันและลดอัตราการล้มในผู้สูงอายุได้
ผู้สูงอายุสามารถเริ่มต้นด้วยการออกกำลังกายเบา ๆ อาทิเช่น โยคะ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกและกล้ามเนื้อ ทำให้ผู้สูงอายุมีความสามารถในการควบคุมร่างกายและลดโอกาสในการล้ม
การออกกำลังกายในลักษณะที่ช่วยเพิ่มความสมดุลและการประสานงานของร่างกาย เช่น รำไท่เก๊ก (Tai chi) จะมีประโยชน์มากที่สุด โดยการออกกำลังกายจะสามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเดินและลดความเสี่ยงในการล้มได้ หากผู้สูงอายุขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ร่างกายอ่อนแอและเพิ่มความเสี่ยงของการล้มมากขึ้นตามไปด้วย
การหกล้มเป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับผู้สูงอายุและอาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพและชีวิตได้ แต่การล้มก็สามารถป้องกันไม่ให้เกิดและลดความเสี่ยงให้เกิดน้อยที่สุดได้ โดยการเลือกเครื่องแต่งกายสวมใส่รองเท้าที่ไม่ลื่นให้เหมาะสมกับช่วงหน้าฝน ปรับสภาพบ้านให้ปลอดภัย พาผู้สูงอายุออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การให้ความสำคัญในการป้องกันการล้มจะช่วยให้ผู้สูงอายุมีชีวิตที่ปลอดภัยและไม่ต้องกังวลกับช่วงหน้าฝนอีกต่อไป
เขียนโดย : นักกิจกรรมบำบัด ก.บ.1096
กบ.กอข้าว เพิ่มตระกูล
เอกสารอ้างอิง ลดฝันร้าย…จากการ “หกล้มในผู้สูงอายุ” https://www.navavej.com/articles/18927 สืบค้นเมื่อ สิงหาคม 2, 2566